วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

.....องศาที่ต่างกัน


******************************************************************************************** ธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ มีหัวใจ มีความรู้สึก
เราทุกคนจึงพยายามค้นหาความหมายของคำว่ารัก
เพื่อเติมเต็มความหมายของชีวิตให้สมบูรณ์

บางครั้งความหมายที่ได้จากการค้นหาความรักก็คือ ความสุข
เสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม แต่บางครั้งความหมายของมัน
ก็ทำให้เราเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
นั่นก็คงเป็นเพราะความรักมีหลายมุมให้มอง หลายมุมให้สัมผัส


วันนี้เราอาจยืนอยู่จุดหนึ่งขององศารัก เมื่อมองไปข้างหน้า
ในจุดที่ยืนเราอาจมองเห็นและให้ความหมายของคำว่ารัก
ได้เพียงหนึ่งคำตอบ แต่ถ้าเราขยับอีกนิดแม้เพียงองศาเดียว
เราอาจมองเห็นและให้ความหมายของคำว่ารักได้อีกเป็นร้อยทาง

ด้วยเหตุนี้ความรักของแต่ละคนจึงมีความหมายที่แตกต่างกัน
เพราะแต่ละคนก็มีจุดที่ตัวเองยืนในองศาที่มองเห็นความรักในมุมมองของตัวเอง
และที่สำคัญเราเองก็อาจเปลี่ยนนิยามของ “ความรัก” ได้เรื่อยเรื่อยขึ้นอยู่กับช่วงเวลานั้นๆ องศานั้นๆที่เรายืนอยู่


ความรักไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ที่สวยงามเพียงด้านเดียวเสมอไป
เพราะถ้าความรักนั้นมันไม่ใช่ของจริง วันหนึ่งองศาความรักก็อาจเปลี่ยนไป
มุมของคนทั้งคู่ก็อาจบิดเบี้ยวต่างกันได้โดยไม่รู้ตัว
และเมื่อต่างกันเพียงองศาเดียว ความรักที่เคยสวยงาม
ก็จะกลายเป็นช่องว่างคู่ขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันอีก..ชั่วชีวิต
แล้วนิยามของความรักก็จะแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง
 
คำว่ารักกลายเป็นคำไม่มีความหมาย
เมื่อเรากลายเป็นคนที่ไม่มีความหมาย


วันนี้เราอาจเป็นสุขกับความรัก
แต่พรุ่งนี้เราอาจเป็นทุกข์มากมายกับความรักก็ได้ใครจะรู้

ถึงวันนี้ผมเชื่อแล้วว่าแท้จริงแล้วคำว่ารัก นั้นไม่ได้มีความหมายใดๆเลยสักนิดเดียว
เราต่างหากที่พยายามสรรหาความหมายของมันด้วยอารมณ์และความรู้สึกของตัวเราเอง


หากเราเจ็บก็ปล่อยให้เจ็บตามธรรมชาติ
หากเรารัก ก็ปล่อยให้รักไปตามธรรมชาติ
อย่ากลัวที่จะเจ็บ อย่ากลัวที่จะรัก

จงจำไว้ว่าเราจะไม่มีวันเหงาและเจ็บปวดตลอดไป..



ที่มา : http://jowittaya.wordpress.com
****************************************************************************************************************

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คำคนคำคม13

......................................................................................................................................................................******************* คุณค่าที่ดีที่สุดของ "ประสบการณ์"
ไม่ใช่การสอนว่าเรา "ควรทำ" อะไร
แต่อยู่ที่การเตือนสติว่า เรา "ไม่ควรทำ" อะไร


*****************************************************


คำสบประมาท คือ พลังงานรูปแบบหนึ่ง
ทุกครั้งที่ใครบอกว่าเราทำไม่ได้
จงขอบคุณเขา แล้วทำให้ได้!!!



*****************************************************


คำว่า "แรงกดดัน" หมายความว่า ...
เมื่อมีแรง "กด" ให้ตัวเราต่ำลง
เราจะไม่ยอมแพ้
แต่จะสู้ด้วยการ "ดัน" ตัวเองให้สูงขึ้น


*****************************************************


"กาลเวลา" เหมือนลมที่พัดผ่าน
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครเคยเห็นว่า "กาลเวลา"
หน้าตาเป็นอย่างไร
แต่ดูจากหลักฐานเชื่อว่า
"กาลเวลา" น่าจะเป็น "สัตว์ปีก"
เพราะทิ้งหลักฐานไว้
... เป็นรอย "ตีนกา"



*****************************************************


"การลงมือทำ" เสียงดังกว่า "คำพูด"
ไม่ว่า "การทำงาน"
หรือ "ความรัก"


*****************************************************


ก็รู้อยู่แล้วว่าพรุ่งนี้จะเช้า
เดี๋ยวก็สว่าง
แล้วจะกลัวอะไรกับ "ความมืด" ในคืนนี้



*****************************************************


ทุกครั้งที่ล้มเหลว
นอกจากบอกตัวเองว่า
"ชีวิตเรามีขึ้น-มีลง"
ให้ย้ำอีกครั้ง
"มีลง เดี๋ยวก็มีขึ้น"


*****************************************************


เมื่ออยู่ในสนามให้สนุกกับเกม
อย่าบ่นว่าแดดร้อน ฝนตก
แต่เมื่ออยู่นอกสนาม อยู่ในที่ร่ม
ให้มีความสุขกับการพักผ่อน
... หา "ความสุข" ให้เป็น



*****************************************************


ทุกครั้งที่ "อกหัก"
หลายคนชอบต่อว่าเจ้า "ความรัก"
ทั้งที่ "ความรัก" คือ "ความงาม"
"ความรัก" ไม่เคยทำร้ายใคร
"ความคาดหวัง" ต่างหากที่ทำร้ายเรา


*****************************************************


เป็นเรื่องจริง ที่ทุกครั้งของการเปลี่ยนแปลง
มักมี "โอกาสใหม่" เกิดขึ้นเสมอ
แต่เรื่องจริงกว่าก็คือ
บางครั้งเราไม่อยากได้ "โอกาส" นั้น ... เอง



*****************************************************


การย่อตัวลงมีสองความหมาย
คือ กำลังจะล้มลง
หรือกำลังจะกระโดดขึ้นอีกครั้ง


*****************************************************


ไม่มีใครเดินก้าวที่ ๒ ก่อนก้าวแรก
ไม่มีใครก้าวที่ ๔ ก่้อนก้าวที่ ๓
ไม่มีใครถึงจุดหมาย โดยไม่ก้าวเดิน



*****************************************************


ท้องฟ้ามืดมิด
ดวงดาวจึงมีสิทธิส่องแสง
ขอบคุณ "ความทุกข์"
ที่ทำให้รู้ว่า "ความสุข" มีค่าเพียงใด


*****************************************************


"ความรู้สึก" ที่น่ากลัวที่สุดในโลก
ไม่ใ่ช่โกรธ หรือ เกลียด
แต่เป็นความรู้สึก "หมั่นไส้"
เพราะเป็นอารมณ์ที่ "ไร้เหตุผล"
และ "อธิบายยาก" ที่สุด
ดังนั้น ...
"ความรัก" จึงเป็น "ความหมั่นไส้" รูปแบบหนึ่ง
แต่เป็น "ความหมั่นไส้" ในทางบวก
เพราะเป็นอารมณ์ที่ "ไร้เหตุผล" ของคน ๒ คน
... "อธิบายยาก"
แต่เข้าใจกัน



*****************************************************


กินอาหารให้อร่อย
ต้องตักกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะ
มองดวงดาวให้มีความสุข
ต้องอย่าคิดครอบครอง
อย่าคิดถึงสิ่งที่เรา "ไม่มี"
แต่ให้เริ่มต้นจากสิ่งที่เรา "มี"


*****************************************************


คาถา ๓ ข้อ สำหรับคนทำงาน
๑. ทุกครั้งที่รู้สึกว่าแย่กว่าคนอื่น
ให้มองคนที่แย่กว่าเรา
๒. ทุกครั้งที่ได้รับการมอบหมายงาน
ให้คิดว่าเป็น "โอกาส" ในการเรียนรู้
๓. เราจะพัฒนาฝีมือได้
ต้องดูตัวอย่างคนที่เก่งกว่า
ไม่ใช่คนที่ด้อยกว่า



*****************************************************


ทุกครั้งของการเริ่มสิ่งใหม่
คำว่า "เป็นไปไม่ได้" ต้องไม่มี
มีแต่จะ "เป็นไปได้" แค่ไหน


*****************************************************


"คน" ที่เราเกลียดทำร้ายตัวเรา
น้อยกว่า "ความเกลียด" ที่อยู่ในใจเรา



*****************************************************


ในโลกแ่ห่ง "ความฝัน"
เรามี "ความจริง" เป็น "กำแพง" กั้น
แต่ในโลกแห่ง "ความจริง"
เรามี "ความฝัน" เป็น "เข็มทิศ" นำทาง


*****************************************************


"ความหวัง" ทำให้เรามีชีวิตอยู่
แต่ "การลงมือทำ" ทำให้ลมหายใจมีความหมาย



*****************************************************



ที่มา :  http://www.gotoknow.org/blogs/posts/507763
***********************************************************************************************
...................................................................................................................................................................
สวัสดิ์ดี

ดอกไม้สำหรับความรัก13


.......
...................................................................................................................................................................** ดอกไม้สำหรับความรัก

ดอกไม้หวานบานสะพรั่งอีกครั้งหนึ่ง
หวานดอกซึ่งปลิวพรากปลิดจากต้น
กลีบซึ่งแฝงแรงรักอันหนักล้น
ได้คอยวนอยู่ในหัวใจเรา

ด้วยและโดยดอกไม้แห่งสายหมอก
รินระลอกกลิ่นตามความเงียบเหงา
นานมากแล้ว...ดอกไม้แห่งวัยเยาว์
ได้โลมเล้าด้วยริ้วหมอก...คลี่ดอกบาน

สำหรับความเสน่หาซึ่งน่ารัก
แอบท้วงทักทวงถามความหอมหวาน
ด้วยทั้งหมดรสของความต้องการ
คลุมด้วยม่านสีทองของสัจธรรม

เอื้อนคำเอ่ยหวานล้ำทุกคำบอก
หวานจนดอกไม้บานจนหวานฉ่ำ
เมื่อใจคาวคลุมคลี่ม่านสีดำ
ในความคล้ำสีขาวจักวาววาม

สีขาวแห่งการรออันบริสุทธิ์
ไปลบจุดดำในใจให้หักห้าม
นักรบรักผู้อาจหาญการสงคราม
ได้ขายความทะนงต่อการขอซื้อ

แทนราคาค่าให้ในสีขาว
ดอกไม้วาวน้ำค้างวามความสัตย์ซื่อ
ซึ่งบานแล้วดอกไม้อยู่ในมือ
และนี่คือ หัวใจ...มอบให้เธอ****
****************************

................................................................................................................................................................
สวัสดิ์ดี

ความรู้สึกจางหาย13

.............................................................................................................................................................
*********** ความรู้สึก..เริ่มจางไป
ความห่วงใย..เริ่มเหินห่าง
ความคิดถึง..เริ่มเจือจาง
เหมือนความฝัน..เริ่มละลาย
ความเข้าใจ..เริ่มเปลี่ยนไป
ความอ่อนไหว..เริ่มเลือนหาย
ความจริงใจ..เริ่มกลับกลาย
เหมือนความรัก..เริ่มดับลง
เดี๋ยวนี้กรรม มันติดจรวด
เคยไปสร้างความเจ็บปวด กับใครตอนไหน
รอไม่นาน ความร้าวราน จะผ่านเข้ามาในใจ
ให้รู้ว่าที่เคยทำไว้ เค้าเจ็บปวดแค่ไหน ลองรับดู
ขนาดตัวเองยังทนไม่ได้
แล้วคิดหรือว่าคนที่เราทำกับเค้าไว้ จะมีกำลังใจต่อสู้
ทีหน้าทีหลัง จะทำอะไร ลองใช้หัวใจคิดดู
อย่าใช้แค่สมองทู่ๆ ที่ไม่เคยเปิดดู ความรู้สึกใคร
ฉันอาจจะรักเธอได้
แต่เธอคงไม่รักฉัน
เรื่องของใจไม่อาจฝืนกัน
เหมือนเช่นความฝันไม่อาจจับจอง
ฉันอาจจะรักเธอได้
แต่คงไม่ได้เป็นเจ้าของ
ความรักฉัน ห่วงใย ใช่ครอบครอง
ไม่จำเป็นว่าเราสอง ต้องผูกพัน
ตลอดเวลาฉันรู้ว่ารักเธอได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าใจเธอต้องเป็นของฉัน
ตลอดเวลาที่เรารู้จักกัน
ฉันไม่เสียใจสักวันที่ได้รักเธอ
ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากรักใคร
แต่เพราะไม่มีคนไหนมารักฉัน
คนที่ผ่านเข้ามา แสดงออกเพียงแค่อยากรู้จักกัน
อยากมาเรียนรู้เพียงพักๆแล้วจากไป
ไม่มีสักคน….ที่เขาจริงจัง
พอให้คำว่า “ความหวัง” มีพลังเกิดขึ้นมาได้
บางที “ความรัก” กับ”ฉัน”
อาจจะเป็นเส้นขนานกันตลอดไป
จนถึงขั้นที่ฉันลืมว่ามีหัวใจ…
อยู่ในอกข้างซ้าย…ของตัวเอง….
ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้ที่ไม่ใกล้
คอยห่วงใยรักเธออยู่ห่าง-ห่าง
ตรงที่นี้ไม่มีเธอจึงอ้างว้าง
น้ำตาหล่นรินบ้างบางเวลา
ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้ตรงที่เก่า
ที่ ที่ เงาแห่งความเหงาเฝ้าถามหา
เผื่อเธออยากหันกลับยามอ่อนล้า
คืนย้อนมาหนุนตักคนภักดี
ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้ที่มองเห็น
โดยขอเป็นกำลังใจให้ที่นี่
แค่ได้รักเธอไกล-ไกลสักนาที
ความรานร้าวที่มีได้ผ่อนคลาย
ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความหวัง
และจะยังรักต่อไปไม่ห่างหาย
รักของฉันนั้นเป็นดั่งเม็ดทราย
แม้คลื่นคลายเกลียวซัดยังมัดใจ
ฉันขอยืนอยู่ในส่วนที่เป็นฉัน
ไม่จำเป็นต้องผูกพันกันก็ได้
เธอก็อยู่ในโลกของเธอต่อไป
ไม่เรียกร้องสิทธิ์ใด ใด ให้กลับคืน
ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้อย่างเจียมตัว
เพราะในหัวใจเธอมีใครอื่น
จะไม่ก้าวล่วงล้ำจนกล้ำกลืน
แค่ได้ยืนมองไกล-ไกล..พอใจแล้ว...
....................................................................................................
.................................................
สวัสดิ์ดี13

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

.ข้อคิดสั้นๆความฝันโง่ ๆ

..............***********
.
.........................................................
ไม่มีความคิด ก็ไม่รู้คุณค่าของแสงตะวัน
ไม่มีความหนาวเย็น ก็ไม่รู้คุณค่าของความอบอุ่น
ไม่มีความสูญเสีย ก็ไม่รู้คุณค่าของการมี

 
เวลาเป็นสิ่งที่ผ่านแล้วผ่านเลย แต่น่าแปลกที่หลายคนชอบใช้เวลาไปกับการดูเวลา
 
ตะบองเพชรที่ยืนกลางแดดแผดเผาชั่วนาตาปี ยังออกดอกงดงามได้
อุปสรรคจะเป็นอุปสรรคก็ต่อเมื่อเรามองมันเป็นอุปสรรค

 
ความรู้เป็นคนละเรื่องกับการเข้าโรงเรียน
 
ต้นหญ้าที่ถูกไฟป่าเผาผลาญ
ผลิใบใหม่ออกมาเสมอเมื่อมีโอกาส
เกิดเป็นคน กลัวอะไรกับอุปสรรค

 
มองโลกด้วยหัวใจ ไม่ใช่ด้วยสายตาอย่างเดียว
 
อุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างทาง ทำให้การเดินทางมีรสชาติมากขึ้น
 
เราแสดงความสุภาพต่อผู้อื่น มิใช่เพราะมารยาทสังคม
หากแต่เพราะเรามีคุณค่าพอที่จะทำสิ่งดี ๆ ในชีวิต
 
ทุกสิ่งมองได้สองด้านเสมอ
 
เวลาเป็นธรรมชาติที่รีไซเคิลไม่ได้
 
ใช้เวลาปัจจุบันไปกับอดีตและอนาคตเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
 
การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด คือ ความสามารถที่จะรู้ว่า เราไม่รู้อะไร
 
เมื่อท้องอิ่ม เรารู้สึกว่าต้องการอะไรจากโลกน้อยลง
 
วุฒิภาวะมิใช่ได้มาจากการใช้จ่ายเงิน ซื้อมา แต่จากการใช้จ่ายชีวิต
 
จงรู้เท่าทันความทุกข์ที่เกาะใจเรา
 
รู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ อันตรายกว่าไม่รู้เลย
 
ไม่มีอะไรเลวร้ายที่สุด นรกของคนหนึ่งอาจเป็นสวรรค์ของอีกคนหนึ่ง
เรื่องคอขาดบาดตายของคนหนึ่งอาจเป็นเรื่องธรรมดาของอีกคนหนึ่ง

 
ไม่มีอะไรในโลกที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
 
ความอ่อนไหวไม่ใช่เรื่องอ่อนแอ
ความแข็งแกร่งก็ไม่ใช่ความเข้มแข็งเสมอไป
เพราะชีวิตที่ดีคือการรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา

 
รอยยิ้มก็เช่นแสงแดดในฤดูหนาวและลมเย็นในฤดูร้อน
 
การพูดจาสกปรกเท่ากับการดูแคลนตัวเองอย่างหนึ่ง
 
การรู้จักรับรู้ความงามในสิ่งที่ไม่น่าดูงาม เป็นกำไรชีวิตอย่างหนึ่ง
 
คุณค่าของมนุษย์อยู่ที่เนื้อใน
 
การปฏิเสธจุดอ่อนของตน ก็เหมือนการไม่ยอมรับว่ามีรูรั่วบนเรือที่กำลังแล่น
 
คุณค่าของการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
อาจอยู่ที่การใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย

 
คุณค่าของคนก็เช่นคุณค่าของดอกไม้
มิได้อยู่ที่ระยะเวลาของความสด
แต่อยู่ที่ความทรงจำระหว่างที่มันยังสด
 
กฎระเบียบกับดักเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน.....
...............................................................................................................